จอร์แดน ( Jordan )

จอร์แดนเป็นประเทศที่มี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกคือนครเพตรา มีทะเลสาบน้ำเค็มที่เค็มที่สุดคือทะเลสาบเดดซี มีทะเลทรายที่เวิ้งว้างจนได้ฉายาว่าเป็นดาวอังคาร และยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้เราได้ไปสัมผัส อากาศไม่ร้อนอย่างที่ทุกคนคิด ถ่ายรูปสวยมาก ฟ้าเป็นฟ้าไม่ต้องลุ้นอากาศเลย มีเมือง เจราช (Jerash) เมืองแห่งโรมันโบราณ ก็จะเป็นที่รู้จักกันในนาม เมืองพันเสา หรือ ปอมเปอีแห่งตะวันออก Pompeii of the East

ดูไบ ( Dubai )

ดูไบ เมืองทะเลทรายที่กลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เป็นนครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงและอยากชวนคุณไปตื่นตาตื่นใจคือ ทะเลทรายอาหรับ (Arabian Desert) หรือ ทะเลทรายซาฟารี (Desert Safari) ซึ่งกว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก

อียิปต์ ( Egypt )

พีระมิดแห่งกิซ่า หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ทำไมถึงเรียกว่าพีระมิดแห่งกิซ่า เพราะที่อียิปต์มีพีระมิดหลายแห่ง แต่พีระมิดที่ยิ่งใหญ่และมหึมาที่สุดอยู่ที่เมืองกิซ่า พีระมิดนี้เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu) เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเรื่องการฟื้นคืนชีพของคนตาย (วิญญาณเป็นอมตะ)

ตุรกี Turkey

เมืองนี้ถือเป็นลิสต์อันดับแรกๆที่ผู้คนอยากจะมาเยือนแน่นอน นั่นคือ คัปปาโดเกีย เมืองนี้เต็มไปด้วยภูเขาหินรูปทรงแปลกตา บ้างมองเป็นโคนเห็ด หรือเป็นปล่องไฟแหลม เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝน รวมทั้งหุบเหวร่องลึก (Canyon) และพื้นที่โดยรอบที่ขรุขระนั้นก็เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเช่นกัน ความมหัศจรรย์ของประติมากรรมธรรมชาติที่นี่ ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1985 ด้วย ซึ่งเราสามารถเที่ยวแบบ Day Tour ชมสถานที่แปลกตาใน 1 วัน ไม่ว่าจะเป็น Selime Monastery

หุบผาแม่น้ำไบลด์ (Blyde River Canyon )

หุบผาแม่น้ำไบลด์เป็นหุบผาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นรองเพียงแค่หุบผาแม่น้ำปลา (Fish River Canyon) เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หุบผาแม่น้ำไบลด์นั้นมีสภาพเป็นป่าไม้ที่เขียวขจีมากกว่า เนื่องด้วยพันธุ์พืชแบบกึ่งเขตร้อนที่หลากหลายในพื้นที่ การเดินสำรวจเข้าไปในพื้นที่นอกจากจะได้พบกับพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าหลากหลายชนิดแล้ว คุณยังจะได้พบกับเนินผา และเนินหินบนพื้นที่ลาดชันที่สวยงามแปลกตา ที่แห่งนี้ นักท่องเที่ยวยังมีโอกาสได้พบกับสัตว์เจ้าป่าบิ๊กไฟว์ ทั้ง 5 รวมไปถึงฮิปโปโปเตมัสและเหล่าจระเข้บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำของเขื่อนสวาดินีที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย

ท่าเรือฮูทเบย์ (Hout Bay)

ล่องเรือไปชมแมวน้ำจำนวนมาก ที่พากันมานอนอาบแดดรับความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์อย่างมีความสุขกันตามธรรมชาติอยู่บริเวณเกาะซีล (Seal Island) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตน่ารักๆนกเพนกวิน ที่มีถิ่นอาศัยตามธรรมชาติอยู่บริเวณเมืองไซม่อนทาวน์ (Simon Town) ที่มีบ้านเรือนของเหล่ามหาเศรษฐีที่ตั้งลดหลั่นกันอยู่บนเชิงเขา หันหน้าออกสู่ท้องทะเลสีคราม เหล่าบรรดานกเพนกวินสัญชาติแอฟริกันตัวน้อยพากันเดิน

วนอุทยานสัตว์ป่าขุนเขาพีลันเนสเบิร์ก(Pilanesburg)

สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ไม่สามารถสัมผัสได้ทุกที่ในโลก คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของการเดินทางไปแอฟริกาใต้คือที่หลบภัยซาฟารีในป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถ่ายภาพและสัมผัสกับแนวทางของสัตว์ป่าในการทำกิจกรรมซาฟารีในยามค่ำคืน

เมืองพริทอเรีย (Pretoria)

นามนี้คือวีรบุรุษผู้กล้าเมื่อครั้งอดีตกาลนามว่า แอนดีส์ พรีทอรีอัส (Andries Pretorius) ปัจจุบันมีความสำคัญเมืองหลวงด้านการบริหารของแอฟริกาใต้ จึงมีสถานที่สำคัญมากมาย บริเวณเมือง โดยเฉพาะจัตุรัสกลางเมือง Church Squareชมอนุสาวรีย์ของอดีตประธานธิบดีของรัฐอิสระชาวบัวร์ ชื่อพอล ครูเกอร์ ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง อันมีอนุสาวรีย์ของแอนดีส์ พรีทอรีอัสผู้ก่อตั้งเมือง และลูกชาย อีกทั้งสถานที่สำคัญทางราชการของเมืองต่างๆ เช่น ทำเนียบประธานาธิบดีและที่ทำการรัฐบาลวุฒิสภา ที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการ

Cape Town

เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศแอฟริกาใต้ ตัวเมืองตั้งอยู่ทางใต้สุดของทิศตะวันตกของประเทศ ปัจจุบัน Cape Town เป็นเมืองที่มีสีสันมากที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้ ตั้งแต่ลักษณะภูมิประเทศที่ติดมหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมด้วยภูเขาหน้าตัดลูกใหญ่สุดอลังการนามว่า Table Mountain ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางเมืองและ Cape of Good Hope แหลมที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเมือง ประกอบกับตัวเมืองที่เต็มไปด้วยความทันสมัยทั้งศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ร้านอาหารชั้นเลิศ โรงแรมหรูและสนามฟุตบอลโลก ทั้งหมดนี้ทำให้ Cape Town